
การอบรมพนักงานเป็นสิ่งหนึ่งที่แทบทุกองค์กรล้วนมีการจัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาพนักงานของตัวเองและขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า แต่บ่อยครั้งที่การอบรมพนักงานผลาญเวลาไปอย่างสูญเปล่า ด้วยเนื้อหาในการทำงานที่ซับซ้อนกว่าบทเรียนสมัยเด็กทำให้การอบรมให้พนักงานทุกคนเข้าใจเป็นเรื่องยาก โชคดีที่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยี e-Learning อย่าง “AR Training” ที่ช่วยเปลี่ยนเรื่องราวยากๆ ให้ง่ายขึ้นได้ และยังเป็นทางรอดหนึ่งของการอบรมพนักงานแบบทางไกลช่วงวิกฤติ Covid-19 อย่างในปัจจุบันได้อีกด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่า “AR Training” คืออะไร? มีประเภทอะไรบ้าง? ทำไมองค์กรยุคใหม่ถึงต้องมี “AR Training” ไว้อบรมพนักงานภายในองค์กร
เริ่มกันที่คำถามเบสิคอย่าง “AR Training คืออะไร” กันดีกว่า
AR Training เป็นการนำเทคโนโลยี AR หรือ Augmented Reality ที่เป็นการนำเอาเทคโนโลยีภาพเสมือนจริงมาอยู่ในโลกความจริง ผ่านเนื้อหาดิจิตัลสามมิติ หรือรูปภาพและวิดีโอต่างๆ ที่แสดงผลซ้อนทับบนโลกแห่งความจริง มาใช้ในการศึกษารวมไปถึงการอบรมพนักงานต่างๆ ผ่านการแสกนด้วยโค้ดด้วยโทรศัพท์มือถือ แว่นตา และวิธีการอื่นๆ
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการนำ Training Content มานำเสนอด้วยเทคโนโลยี AR เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นผ่านภาพเสมือนจริงนั่นเอง
AR Training มีกี่ประเภท ?
เทคโนโลยี AR มีรูปแบบหลักๆ อยู่ 3 ประเภทได้แก่
- Marker-Based : เป็นการนำโค้ดต่างๆ ไปพิมพ์ไว้บนวัตถุ เมื่อมีการนำเครื่องมืออย่างสมาร์ทโฟนไปแสกน โปรแกรม AR ในสมาร์โฟนนั้นก็จะแสดงภาพสามมิติ คลิปวิดีโอ หรือสื่ออื่นๆ ที่อยู่ในโค้ดนั้นออกมา
- Markerless : เป็นการจำลองภาพสามมิติไปวางไว้บนภาพแบบเรียลไทม์ที่ได้จากกล้องของเครื่องมืออย่างสมาร์ทโฟน เพื่อจำลองให้ภาพสามมิตินั้นเสมือนอยู่บนโลกความจริง
- Location Based : เป็นการแสดงผลของข้อมูลจำลองจากการแสกนไปยังสิ่งแวดล้อมรอบๆ ที่อ้างอิงข้อมูลพื้นที่ต่างๆ ด้วยระบบ GPS
ทำไมองค์กรยุคใหม่ต้องใช้ AR Training ในการอบรมพนักงาน ?
- เปลี่ยนเนื้อหายากๆ ให้พนักงานเข้าใจง่ายขึ้น ด้วยการเรียนจากภาพเสมือนจริง ผู้เรียนจึงสามารถเข้าใจเนื้อหาต่างๆ ได้ถูกต้องและรวดเร็วกว่าการเรียนการสอนแบบเดิม อีกทั้งยังทำให้การอบรมพนักงานน่าสนใจ และดึกดูดให้พนักงานสนใจการเทรนนิ่งมากขึ้นอีกด้วย
- ใช้งานได้ทุกที่ ด้วยอุปกรณ์ในการเรียนที่แทบจะเป็นปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิตของทุกคนอย่างสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้เรียนสามารถศึกษาเนื้อหาต่างๆ ได้ด้วยตัวเองแบบทุกที่ทุกเวลา
- ลงทุนครั้งเดียวจบ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน ด้วยเครื่องมือที่มีเพียงระบบ และสมาร์ทโฟน ช่วยลดค่าเอกสารและอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ประกอบการอบรม และ AR Training ยังสามารถปรับเปลี่ยนเนื้อหาได้ตลอด ไม่ต้องลงทุนทำอุปกรณ์ใหม่เมื่อมีการอัปเดทบทเรียนใหม่
- ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กร ให้ดูล้ำสมัย ก่อเกิดเป็นภาพลักษณ์ที่ดี ส่งเสริมให้องค์กรดูทันสมัย สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและผู้คนที่พบเห็น จนเกิดการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ตัวอย่าง AR Training ที่ไม่ได้มีดีแค่การอบรมพนักงาน ?
- โชว์สินค้าที่ผ่านการ Customize โดยไม่ต้องเสียต้นทุน ด้วยเทคโนโลยีภาพจำลองทำให้ลูกค้าเห็นภาพของสินค้าที่ผ่านการ Customize หรือตกแต่งต่อเติมต่างๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียต้นทุนไปกับการทำสินค้าจริงเพื่อให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดทั้งหมด
ตัวอย่าง Toyota ใช้ AR ในการ Customize รถยนต์ - ช่วยให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น ด้วยตัวอย่างสินค้าที่สมจริง เพราะ AR ช่วยจำลองภาพสินค้าให้ลูกค้าดูได้ทันทีแบบ 360 องศา ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าตัวอย่างลูกค้าก็เห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างสมจริง
ตัวอย่าง Ikea ใช้ AR ในการโชว์สินค้า
- เทคโนโลยี AR ในงานสถาปัตยกรรม ในงานออกแบบที่มีรายละเอียดสูงอย่างการสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้าน การใช้เทคโนโลยี AR ก็สามารถทำให้การออกแบบและเก็บรายละเอียดของบ้านรวมถึงตกแต่งภายในต่างๆ ทำได้ง่าย สะดวกสบาย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยการจำลองภาพเฟอนิเจอร์ที่เราต้องการมาวางไว้ในบ้านของเราได้ก่อนที่เราจะเสียเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์จริง
ตัวอย่าง AR ใช้ในการ Design Interriors
- ดึงดูดความสนใจของผู้คนในงานอีเว้นท์ เทคโนโลยี AR ยังเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนในงานอีเว้นท์ต่างๆ ให้ผู้คนมี Engagement กับงานจัดแสดงของเรามากยิ่งขึ้น
ตัวอย่าง Lego ใช้ AR ในการโชว์สินค้า
จะเห็นได้ว่า AR Training นอกจากจะเป็นเครื่องมือในการอบรมพนักงานที่ดีแล้ว ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยยกระดับองค์กรให้กลายเป็นองค์กรยุคใหม่ได้อีกด้วย
หากเราเครื่องมือแบบนี้อยู่ในองค์กรล่ะก็ การอบรมพนักงานทั้งการอบรมพนักงานใหม่ ไปจนถึงขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แถมผู้อบรมหรือ HR ก็ไม่ต้องวิ่งตามพนักงานมาเข้าอบรมแบบที่เคยผ่านมาอีกต่อไปด้วย