จากผลสำรวจเรื่อง Daily time spent on social networking by internet users worldwide from 2012 to 2020 ของสตาร์ทิสต้า (Statista) พบว่า คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาไปกับโซเชียลมีเดียโดยเฉลี่ย 145 นาทีต่อวัน หรือราวๆ อย่างน้อย 2 ชั่วโมงครึ่ง
ในปัจจุบันคอนเทนต์ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก หลายๆ แบรนด์ได้หันมาใช้ Content Marketing ในการสื่อสารเพื่อมัดใจลูกค้า และกลุ่มเป้าหมาย ฉะนั้น คำกล่าวสุดคลาสสิกอย่าง “Content is king.” หรือคอนเทนต์คือราชาของบิลล์ เกตส์ (Bill Gates) เจ้าพ่อแห่งวงการไอที ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟต์ (Microsoft) ก็คงจะไม่เกินจริงสักเท่าไร
หากพูดกันตามความเป็นจริงแล้ว หัวใจของการทำคอนเทนต์นั้นประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลักด้วยกัน ได้แก่
- คุณภาพ (Quality)
- ปริมาณ (Quantity)
- ความสม่ำเสมอ (Consistency)
แต่มีราชาที่แสนสง่าแล้ว งั้นก็ต้องมีราชินีแสนงามด้วยใช่ไหมล่ะ บางคนอาจคิดว่า ราชินีก็คงต้องเป็นคุณภาพอย่างแน่นอนเพราะเคยได้ยินได้ฟังมาว่า ยังไงซะคุณภาพก็ย่อมดีกว่าปริมาณ
อันที่จริงก็ถูกประมาณหนึ่ง แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ 3 สิ่งนี้ต่างก็มีความสำคัญพอๆ กันหมด ก็คงเหมือนกับช่วงเริ่มจีบกับแฟนใหม่ๆ ถ้าจู่ๆ เขามานั่งคุกเข่าบอกว่า “ชอบ” แล้วขอคุณเป็นแฟนทันทีก็คงจะแปลกๆ การจะจีบให้ติดเพื่อคบเป็นแฟนต่อนั้นก็ต้องอาศัยความเสมอต้นเสมอปลายสักระยะหนึ่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
โดยไอเจ้าความเสมอต้นเสมอปลายที่ว่าก็คือ ‘ความสม่ำเสมอ’ นั่นเอง ดังนั้น ถ้า Content is king. Content consistency is queen. ก็คงจะไม่เชิง
Always-on content เป็นรูปแบบหนึ่งในการทำ Content Marketing ที่กำลังเป็นเทรนด์การสื่อสารกับผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา วันนี้ Infographic Thailand จะพาคุณไปไขข้อสงสัยกันว่า มันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และมีประโยชน์ต่อธุรกิจยังไงบ้าง?
Always-on content คืออะไร?
Always-on content คือการทำคอนเทนต์เพื่อสื่อสารกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของรูปภาพพร้อมแคปชันบนโซเชียลมีเดีย (Social post) วิดีโอ (Video) บทความ (Article) หรืออินโฟกราฟิก (Infographic)
Always-on content แตกต่างจากแคมเปญการตลาดทั่วไปอย่างไร?
Always-on content แตกต่างจากคอนเทนต์ทั่วไปหรือแคมเปญการตลาดตรงที่จะเป็นการทำคอนเทนต์แบบชุดหรือการวางแผนในระยะยาวเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน โดยต้องอาศัยระยะเวลาอยู่พอสมควร ส่วนการทำแคมเปญทางการจะเป็นการทำคอนเทนต์ระยะสั้น สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก ไม่ต้องรอนาน
Always-on content ดียังไง ทำไมถึงควรทำ?
- ช่วยกระตุ้นยอดขาย จากรายงาน Social media consumer report ประจำปี 2020 ของเยลโล่เพจ (Yellow page) พบว่า 53 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะไว้วางใจแบรนด์ที่สร้างสรรค์เนื้อหาที่อัปเดตอย่างสม่ำเสมอ และนอกจากนี้ยังพบอีกด้วยว่า การค้นหาข้อมูลบนโซเชียลมีเดียนั้นนำผู้บริโภคไปสู่การซื้อมากถึง 61 เปอร์เซ็นต์
โดยเฉลี่ยแล้ว ก่อนที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้ามักจะมีการโต้ตอบหรือปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ถึง 7 ครั้งด้วยกัน
The rule of 7 คือหนึ่งในกฎที่เก่าแก่ที่สุดในวงการการตลาด แรกเริ่มเดิมทีนั้นกฎนี้ได้ถูกนำมาใช้กับการค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business หรือ B2B) ซึ่งเป็นกลุ่มประเภทธุรกิจที่มีราคาของสินค้าค่อนข้างสูง มีแนวโน้มในการตัดสินใจซื้อที่ช้า
ฉะนั้น นักการตลาดจึงได้หันมาผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และน่าดึงดูดให้ปรากฏบนฟีดโซเชียลอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า โอกาสที่จะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายให้เป็นลูกค้าได้ภายในครั้งเดียวนั้นต่ำมาก
ไม่ว่าตอนนี้ธุรกิจของคุณจะเป็นแบบธุรกิจกับธุรกิจหรือธุรกิจกับลูกค้า (Business to Consumer หรือ B2C) ก็สามารถนำกฎนี้ไปปรับใช้ในการทำ Always-on content เพื่อสร้างยอดขายให้สำเร็จตามเป้าได้เช่นกัน
- ช่วยให้ธุรกิจของคุณกลายเป็น top of mind ในใจลูกค้าได้อย่างง่ายดาย การทำ Always-on content ในระยะยาวจะทำให้คอนเทนต์จากธุรกิจของคุณปรากฏอยู่บนฟีดโซเชียลเป็นประจำ ช่วยสร้างความจงรักภักดีในแบรนด์ (Brand loyalty) และกระตุ้นให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อสินค้าใหม่อีกครั้ง (Retargeting) หรือพูดง่ายๆ ว่า เวลาที่ลูกค้ามีความต้องการอยากจะซื้อสินค้าหรือบริการในอุตสาหกรรมนั้น เขาก็จะนึกถึงเราเป็นคนแรกนั่นเอง
ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการทำ Always-on content
ตัวอย่าง Always-on content ของ Durex ในปี 2019
ดูเร็กซ์ (Durex) แบรนด์ถุงยางอนามัยในประเทศเวียดนามมีการทำคอนเทนต์ออกมาเล่นกับกระแสต่างๆ อยู่ตลอด ส่งผลให้ได้รับยอด reach ยอด engagement อย่างถล่มทลาย ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ให้เข้ามากดติดตามมากถึง 10,000 ราย ได้ภายในเวลาเพียงแค่วันเดียว รวมไปถึงยังสามารถเพิ่มฐานผู้ติดตามได้ 57 เปอร์เซ็นต์ และการมีส่วนร่วมมากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลดีอย่างมากในการสร้างยอดขายระยะยาวอีกด้วย
ถึงแม้ว่าการทำ Always-on content จะเห็นผลได้ช้า และต้องใช้เม็ดเงินมากกว่าแคมเปญการตลาดทั่วไป แต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่งเพราะช่วยส่งเสริมแบรนด์ในหลายๆ ด้าน ทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง และช่วยสร้างยอดขายอย่างยั่งยืน
ซึ่งจากประสบการณ์ด้านการผลิตคอนเทนต์ที่ยาวนานมากกว่า 9 ปีของ Infographic Thailand ทั้งการผลิต Infographic, Motion graphic, e-Learning และ Training content ทำให้เรามั่นใจว่า จะสามารถผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ ออกมาได้เข้าใจง่าย สนุก ไม่ซ้ำซาก และไม่จำเจ
สนใจผลิต Always-on content ติดต่อเราได้ที่ :
https://bit.ly/seocontentalwayis
Sources :
- หนังสือ Inbound Marketing การตลาดแบบแรงดึงดูด เขียนโดย Content Shifu
- https://www.statista.com/statistics/433871/daily-social-media-usage-worldwide/
- https://www.forbes.com/sites/forbescommunicationscouncil/2021/08/25/whats-always-on-content-marketing-and-why-should-you-be-doing-it/
- https://www.forbes.com/sites/forbesagencycouncil/2019/02/11/why-content-consistency-is-key-to-your-marketing-strategy/
- https://contentstrategycourse.com/content-house/
- https://www.yellow.com.au/social-media-report/#download-report
- https://www.b2bmarketing.net/en-gb/resources/blog/marketing-rule-7-and-why-its-still-relevant-b2b
- https://vamp-brands.com/blog/2020/12/11/the-benefits-of-an-always-on-content-strategy-and-how-to-create-one/
- https://metia.com/blog/why-campaign-led-brands-need-an-always-on-content-marketing-strategy/
- https://youtu.be/DUJDJJV3QRg